ในช่วงหน้าฝนที่สภาพอากาศชื้นและเย็นกว่าปกติ ส่งผลให้เชื้อโรคสามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจาย มักจะมาพร้อมกับโรคประจำฤดูกาลที่แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็สามารถป่วยได้ง่าย ๆ ยิ่งในเด็กเล็กที่ระบบภูมิคุ้มกันต่ำและมีความเสี่ยงติดเชื้อง่ายกว่า รวมถึงความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก ที่มักจะเข้าถึงและสัมผัสสิ่งต่าง ๆ โดยไม่รู้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เหล่าผู้ปกครองจึงควรให้ความสำคัญและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ สำหรับโรคไข้เลือดออก หรือ Dengue Fever เป็นโรคหนึ่งที่มาพร้อมหน้าฝนเสมอ มียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค โดยเฉพาะยุงสกุล Aedes มาจากเชื้อไวรัสเดงกีที่มี 4 เซอร์โทไพ
อาการ
อาการเริ่มต้น
ไข้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมักสูงต่อเนื่อง 2-7 วัน ปวดศีรษะรุนแรง ปวดตา ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ผื่นแดงบนร่างกายซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากไข้ลด 3-4 วัน
อาการร่วม
ความรู้สึกเหนื่อยล้า คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และปวดท้อง
ระยะรุนแรง
อาการเลือดออก เช่น เลือดออกจากจมูก ปาก เลือดออกในอุจจาระ ปัสสาวะ หรือเลือดออกใต้ผิวหนัง มีผื่นสีม่วงบนผิวหนัง ภาวะเลือดข้น หรือเลือดหนืด (Polycythemia) ปวดท้องรุนแรง อาการเลือดออกที่เพิ่มขึ้น หายใจลำบาก ภาวะไตล้มเหลว และภาวะช็อก
การป้องกัน
- ระวังไม่ให้น้ำขังในที่ที่ยุงวางไข่ เช่น กระป๋องเปล่า ยางรถยนต์เก่า หรือขยะ เปลี่ยนน้ำในภาชนะต่าง ๆ อย่างน้อยทุกสัปดาห์ เลี้ยงปลากินลูกน้ำในแหล่งน้ำที่ไม่สามารถเทน้ำออกได้
- ใส่เสื้อผ้าปกปิดผิวหนัง ใช้ยากันยุง ติดตั้งมุ้งลวดที่หน้าต่างและประตู
- ทำความสะอาดบริเวณบ้านเพื่อทำลายแหล่งวางไข่ของยุง
- การส่งเสริม เผยแพร่ความรู้ และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก รวมถึงการป้องกันยุงในชุมชน
- ในบางประเทศมีวัคซีนโรคไข้เลือดออก แต่อาจจะไม่ได้ป้องกันทุกเชื้อและยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคไข้เลือดออกโดยเฉพาะ การรักษามักเน้นไปที่การบรรเทาและสังเกต รวมถึงติดตามและประเมินผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดให้คงอยู่ในภาวะที่ปลอดภัย
การบรรเทาอาการ
การทานยาลดไข้และยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของแอสไพริน และไอบิวพรอเฟน
การรักษาในโรงพยาบาล
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยอาจต้องให้น้ำเกลือผ่านเส้นเลือด หรือในบางกรณีอาจต้องได้รับเลือด
การติดตามผู้ป่วย
ต้องมีการตรวจสอบและติดตามสุขภาพของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการเข้าสู่ภาวะวิกฤติของโรค
การดูแลตนเองที่บ้าน
หากอาการไม่รุนแรงผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองที่บ้าน โดยทานยาลดไข้ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และควรป้องกันไม่ให้ยุงกัดผู้ป่วยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังคนอื่น
ท้ายที่สุด
เด็กเล็กมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงและภาวะวิกฤติมากกว่าผู้ใหญ่ ฉะนั้น ต้องหมั่นตรวจสอบพื้นที่น้ำขังรอบ ๆ บ้าน ที่เป็นแหล่งวางไข่และแหล่งขยายพันธุ์ของยุง การรู้ถึงสาเหตุ และการป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการควบคุมและป้องกันโรคนี้ หากมีอาการข้างต้น และคาดว่าอาจติดเชื้อโรคไข้เลือดออก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากการรักษาและดูแลอย่างทันท่วงที ย่อมมีโอกาสฟื้นตัวและหลีกเลี่ยงความรุนแรงของโรคได้มากขึ้น